อาหารป้องกันและรักษาไข้หวัด เป็นอาหารที่หาทานได้ง่ายๆ ใกล้ตัว คนที่ทานอาหารเหล่านี้บ่อยๆ ทานเป็นประจำ แทบจะไม่เคยเป็นหวัดหรือเป็นไข้เลย และอาหารเหล่านี้ก็ราคาไม่แพงด้วย มาดูว่ามีอาหารชนิดใดบ้าง
อาหารที่ป้องกันและรักษาไข้หวัด
- อาหารที่ใส่เครื่องเทศและสมุนไพรเยอะๆ
เมนูอาหารที่มีการใส่เครื่องเทศเยอะๆ ที่มีรสชาติเผ็ดร้อน เช่นเมนู ผัดเผ็ด ผัดกะเพราะ เมนูแกงป่า เมนูเหล่านี้จะอุดมไปด้วยเครื่องเทศสมุนไทย ได้แก่ ตะไคร้ ใบมะกรูด ขมิ้น ข่า พริก กระเทียม สมุนไพรเหล่านี้เต็มไปด้วยความเผ็ดร้อน และแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติช่วยในการป้องกันและรักษาไข้หวัดได้จริง หากคุณทานอาหารเหล่านี้บ่อยๆ บ้างครั้งแทบไม่ต้องทานยาเลยด้วยซ้ำ เพราะในสมุนแต่ละชนิด มีคุณสมบัติเป็นยาในตัวเองอยู่แล้ว
- น้ำขิง
การทานน้ำขิง ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัด โดยเฉพาะการทานร้อนๆ ซึ่งขิงเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์อีกชนิดหนึ่ง นำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง และนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเอาไว้ดื่มในชีวิตประจำวันด้วย หากคุณรู้สึกว่าจะเป็นไข้ หรือกำลังมีไข้ แนะนำว่าให้ดื่มน้ำขิงร้อนๆ วันละ 1 แก้ว จะช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัดได้เลย
- ชาเขียว
ในชาเขียวจะมีสารแอนติออกซิแดนซ์ ซึ่งสารชนิดนี้คือตัวจะเข้ามาช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้สามารถสู้กับไข้หวัดได้ สำหรับวิธีการชงชาเขียวเพื่อให้ได้สารแอนติออกซิแดนซ์เหลือเยอะที่สุด แนะนำว่าให้ชงกับน้ำเย็นก็พอ และไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมอย่างอื่นก็ได้ ใช้เพียงแค่ใบชาอย่างเดียวก็พอ รับประทานวันละ 1 ถ้วย จะทำให้อาการไข้หวัดหายเร็วขึ้น
- โยเกิร์ต
ในโยเกิร์ตมีสารอาหารหลายชนิดที่มีส่วนช่วยป้องกันร่างกายของเราจากเชื้อต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกาย และยังอุดมไปด้วยจุลินทรีย์อีกนับล้านตัว ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้มีส่วนช่วยในการเข้าไปเพิ่มเม็ดเลือดขาวในร่างกาย ทำให้ร่างกายของเรามีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายได้ดี
- ผักใบเขียว
ในผักใบเขียวจะอุดมไปด้วยวิตามินประเภทต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ ซึ่งผักที่อุดมไปด้วยวิตามินเอได้แก่ ผักบุ้ง ผักโขม การรับประทานผักใบเขียวเป็นประจำ จะช่วยป้องกันไม่ให้ไข้หวัด และหากทานตอนที่เป็นไข้หวัดอยู่ จะช่วยให้ไข้หวัดหายไปได้เร็วขึ้น และไม่กลับมาเป็นอีก หลังจากที่หลายจากไข้หวัดแล้ว แนะนำว่าให้ทานผักต่อไปเป็นประจำจะดีที่สุด เพื่อจะได้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บประเภทนี้
- ถั่วและธัญพืช
ในพืชตระกูลถั่วและธัญพืช จะมีวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินอี รวมถึงสารต้านอนุมูนอิสระ ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันหวัด และยังเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้อีกต่างหาก แต่การทานรับประทานถั่วหรือธัญพืชนั้น แนะนำว่าให้ทานในปริมาณที่เหมาะสมไม่ควรเยอะเกินไป อย่างน้อยวันละ 1 กำมือก็เพียงพอ เพราะว่าในถั่วมีพลังงานสูง การทานในปริมาณที่เยอะเกินไป เสี่ยงทำให้เกิดโรคอ้วนได้
- ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
อันนี้สำคัญมาก เพราะว่าในผลไม้ประเภทนี้ จะมีวิตามินซีสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดไข้หวัด และรักษาไข้หวัดได้เป็นอย่างดี และผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีได้แก่ มะขามป้อม ส้ม องุ่น สัปปะรด เป็นต้น การทานผลไม้ประเภทนี้เป็นประจำ นอกจากจะทำให้อาการไข้หวัดหายได้เร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้หวัดกลับมาอีกด้วย และผลไม้เหล่านี้ก็หารับประทานได้ง่าย ราคาก็ไม่แพง
ป้องกันตัวเองอย่างไรไม่ให้เป็นไข้หวัด
เชื่อว่าทุกคนไม่อยากจะเป็นไข้หวัดอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นโรคที่น่ารำคาญ ทำอะไรก็ไม่สะดวก นอกจากจะทานอาหารป้องกันและรักษาไข้หวัดแล้ว ควรหาวิธีการป้องกันเอาไว้ก่อนดีกว่า มีอะไรบ้าง
- การพักผ่อนให้เพียงพอ
อันนี้สำคัญมาก การนอนพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าจะช่วยให้ร่างกายได้มีเวลาในการฟื้นฟูตัวเอง ในแต่ละวันควรพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ จะช่วยให้ห่างไกลจากหวัดได้ด้วย และในระยะยาว อาจจะทำให้เป็นโรคร้ายแรงอย่างอื่นได้อีกหลายโรคเลย
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นหัวใจหลักเช่นกันที่จะทำให้ห่างไกลจจากโรค โดยให้เน้นรับประทานอาหารที่คุณค่าทางอาหารเป็นหลักจะดีที่สุด ไม่ต้องเน้นที่ความอร่อย โดยเฉพาะอาหารประเภทผัก ผลไม้ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกาย จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันสมบูรณ์ ควรออกกำลังอย่างน้อยวันละ 30 นาที หรือสัปดาห์ละ 3-5 วัน จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด และห่างไกลจากโรคด้วย เป็นวิธีการป้องกันที่ได้ผลดีทีเดียว
- ไม่เครียดจนเกินไป
คือทำทุกวันให้เป็นวันที่มีความสุข ไม่ต้องเครียดกับเรื่องต่างๆ มากจนเกินควร เพราะเมื่อร่างกายเครียดแล้ว ระบบการทำงานของร่างกายต่างๆ ก็จะเพี้ยนไปด้วย พยายามทำจิตใจของตัวให้มีความสุขเอาไว้จะดีที่สุด
วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้หวัด
ไข้หวัดเป็นโรคที่สามารถติดต่อกับคนอื่นได้ เพราะฉะนั้นควรดูแลตัวเองให้ดี สิ่งที่ควรทำได้แก่
- แยกข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว คือห้ามใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกันคนอื่น เพราะว่าจะทำให้ติดไข้หวัดได้ ไม่ว่าจะเป็นถ้วยชาม ช้อน แก้วน้ำ ควรแยกของผู้ป่วยและคนที่ไม่ป่วยออกจากกันเลย
- ทานยาตามแพทย์สั่ง ข้อนี้สำคัญมาก เมื่อได้รับยาจากแพทย์มา ควรทานตามแพทย์สั่งให้ครบ ไม่ควรหยุดยาด้วยตัวเอง แม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้น หากไม่รู้สึกดีขึ้น แนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์ทันที
- ทานอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วย คนที่เป็นไข้ควรเน้นอาหารที่ย่อยง่าย และทานได้ง่ายๆ ก่อน เพราะคนที่เป็นไข้หวัด มักจะมีอาการเบื่ออาหาร การทานอาหารอ่อน จะทำให้ทานได้ง่ายขึ้น ย่อยง่ายขึ้น และควรเน้นอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายด้วยจะดีที่สุด
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ผิดสำแดง เช่น การทานของที่เย็น การทานอาหารที่กินแล้วไอ อาหารประเภทนี้แม้ว่าจะเป็นของชอบของเรา แต่เมื่อยังป่วยอยู่ แนะนำว่าให้เลี่ยงไปก่อน เพราะหากทานเข้าไปแล้ว อาจทำให้อาการทรุดหนักกว่าเดิมได้
สรุปส่งท้าย
ท่านที่กำลังเป็นไข้หวัด หรือว่าไม่อยากจะเป็นไข้หวัด แนะนำว่าควรนำวิธีการป้องกันที่เราได้แนะนำไปข้างต้นไปทำตามได้เลย นั่นก็คือการเลือกทานอาหารที่ช่วยป้องกันไข้หวัด และรักษาไข้หวัด อาหารแต่ละชนิดที่เราได้แนะนำไป ถือว่าหาทานได้ง่าย ราคาไม่แพงด้วย แต่มีประโยชน์กับร่างกายเยอะมากที่เดียว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาหารป้องกันไข้หวัด
วิธีการทานที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ การทานตอนที่เรายังไม่เป็นไข้หวัด เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะว่าเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน เพราะถ้าเราทานอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยในการป้องกันไข้หวัดเอาไว้แล้ว โอกาสที่จะเกิดไข้หวัดนั้นถือว่ายากมาก หรือถ้าเป็นก็เป็นไม่นานก็หาย บางครั้งแทบไม่ต้องใช้ยาชนิดอื่นช่วยเลยด้วยซ้ำ
เนื่องจากอาหารประเภทนี้ เป็นอาหารพื้นบ้านทั่วไป มาจากธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการสังเคราะห์ เพราะฉะนั้นเราสามารถรับประทานทุกวันได้เลย แต่อาจจะปรับเปลี่ยนเมนูไปบ้างตามความเหมาะสม จะได้ไม่รู้สึกเบื่ออาหาร อย่างเช่นสมุนไพรไทย สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับอาหารได้หลายชนิดเลย และในปัจจุบันคนก็หันมาให้ความสำคัญกับการทานสมุนไพรไทยมากขึ้น ตั้งแต่มีโรคโดวิดเข้ามา
คนที่เป็นไข้หวัด ต้องทานยาตามที่หมอสั่งด้วย จะทำให้ไข้หวัดหายได้เร็วขึ้น แต่การเลือกรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ ก็ควรปรับเปลี่ยนเหมาะสมกับผู้ป่วย ให้ทานยาไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการจะหายดี ไม่ควรหยุดยาด้วยตัวเอง หากทานหมดแล้วยังไม่หาย ควรปรึกษากับหมอทันที เพื่อประเมินอาการและหาแนวทางการรักษาต่อไป