อาหารลดความเครียด เป็นอาหารที่เราควรรับประทานเป็นประจำ เพราะช่วยป้องกันความเครียด ช่วยคลายเครียดได้ ยิ่งยุคนี้มีเรื่องให้เครียดเยอะ ดังนั้นการเลือกทานอาหารให้เป็น จะช่วยป้องกันในเรื่องนี้ได้
อาหารที่ช่วยลดความเครียด
- น้ำกระเจี้ยบ น้ำมะนาว
ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย เวลาที่เราดื่มเข้าไปแล้ว จะทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและอารมณ์เย็นลง นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนเลือดได้ด้วย เป็นเครื่องดื่มที่หารับประทานได้ง่าย
- อะโวคาโด้
เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์กับร่างกายหลายด้าน เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นแหล่งรวมของวิตามินบี และวิตามินซี นอกจากจะช่วยป้องกันหวัดได้แล้ว ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย การรับประทานอะโวคาโด้วันละ 1 ผล จึงได้รับประโยชน์กับร่างกายเยอะมาก
- มะเขือเทศ
หลายคนจะรู้จักมะเขือเทศว่าช่วยในเรื่องของการบำรุงผิว ความจริงแล้วมะเขือเทศมีประโยชน์หลายอย่าง มีวิตามินซีสูง ป้องกันหวัด และยังมีกาบาสูง ช่วยทำให้สมองโล่ง คลายเครียดได้ สามารถทานเป็นผลหรือทานเป็นน้ำก็ได้ หาทานได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน
- ช็อกโกแลต
ในช็อกโกแลตมีสารที่จะเข้าไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข เมื่อเราทานเข้าไปแล้ว จึงรู้สึกผ่อนคลาย เพราะมีการหลั่งของฮอร์โมน โดพามีน และเอ็นดอร์ฟินนั่นเอง แต่การทานช็อกโกแลต ก็ควรจำกัดปริมาณให้เหมาะสม ไม่ควรทานเยอะเกินไป เพราะเสี่ยงทำให้เกิดโรคอ้วนได้
- โยเกิร์ต
หรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม ก็จะช่วยในเรื่องของการลดความเครียดได้เช่นกัน โดยเฉพาะโยเกิร์ต นอกจากจะลดความเครียดได้แล้ว ยังช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร ป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องผูกด้วย แนะนำว่าให้เลือกรับประทานโยเกิร์ตที่เป็นรสธรรมชาติจะดีที่สุด
- ผักใบเขียว
เป็นอาหารลดความเครียดที่ควรรับประทานทุกวัน เพราะมีประโยชน์กับร่างกายหลายอย่าง ทั้งวิตามิน เกลือแร่ มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ย่อยง่าย ขับถ่ายง่าย และป้องกันความเครียดได้ดี ผักใบเขียวที่หาทานได้ง่ายได้แก่ ผักบุ้ง ผักกาด ผักคะน้า เป็นต้น ยิ่งทานทุกวันได้ยิ่งดี
ผู้ที่มีความเครียด ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใด
เมื่อรู้ว่าเรามีอาการเครียด หรือกำลังเครียดอยู่ ถ้าไม่ได้ทานอาหารลดความเครียด ก็ต้องรู้จักอาหารที่ไม่ควรทานด้วย เพราะหากเราทานอาหารประเภทนี้เข้าไปแล้ว อาจจะทำให้รู้สึกเครียดกว่าเดิม และทำให้เกิดผลเสียอย่างอื่นกับร่างกาย เช่น
- อาหารฟาสต์ฟู๊ด อาหารประเภทนี้จะเต็มไปด้วยแป้งและโซเดียม เมื่อเรารับประทานทุกครั้งที่เครียด อาจจะทำให้เกิดโรคอ้วน และโรคความดันตามมาได้
- อาหารหวาน ขนมที่มีน้ำตาลสูง อาหารเหล่านี้ก็ควรเลี่ยงเช่นกัน เพราะน้ำตาลที่เราทานเข้าไป ก็จะเข้าไปสะสมในร่างกาย กลายเป็นไขมันส่วนเกินได้ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายชนิด
- กาแฟ ในกาแฟจะมีกาเฟอีนสูง เมื่อเราดื่มเข้าไปแล้ว จะรู้สึกกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ทำให้คิดมาก และอาจทำให้เครียดหนักกว่าเดิมได้ด้วย
- น้ำอัดลม เป็นเครื่องดื่มที่ควรเลี่ยง เพราะมีน้ำตาลที่สูงมาก หากดื่มบ่อยๆ ดื่มทุกครั้งที่เครียด ก็ทำให้น้ำหนักตัวขึ้น และอ้วนขึ้นได้เช่นกัน
- ของทอดที่มีน้ำมันเยอะ อันนี้ก็ควรเลี่ยง เพราะเสี่ยงอันตรายกับร่างกายหลายอย่าง ทั้งความดัน หัวใจและหลอดเลือด
อาการของคนที่มีความเครียดสะสม
หากสงสัยว่าเราเป็นคนที่มีความเครียดสะสมหรือไม่ สามารถสังเกตได้จากอาการต่างๆ ที่แสดงออกมา ได้แก่
- สมาธิสั้น ทำอะไรได้ไม่นาน
- รู้สึกเบื่อไปหมดทุกอย่าง ไม่อยากทำอะไร
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็ว จากที่กำลังหัวเราะ อาจจะเครียดหรือร้องไห้ได้ทันที
- อ่อนเพลีย ไม่กระปรี้กระเปร่า
- นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายตลอดเวลา
- ไม่อยากสุงสิงกันคนรอบข้าง ชอบอยู่คนเดียว
- มีอาการคิดมาก
- ปวดตามร่างกาย ปวดหัวบ่อย
- เบื่ออาหาร ทานอาหารได้น้อยลง
สาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด
คนที่มีความเครียดสะสมจนกลายเป็นโรคเครียดนั้น ล้วนแล้วแต่มีสาเหตุมาก่อนทั้งสิ้น ซึ่งสามารถเกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- เคยสูญเสียคนรักมาก่อน หรือสูญเสียคนในครอบครัว จนไม่สามารถรับได้
- ความรู้สึกที่ผิดพลาดในอดีต เช่น การทำให้ใครต้องเสียชีวิต ทำให้ใครต้องรับผิดในเรื่องต่างๆ
- เคยอกหักจากคนรัก โดนทิ้ง โดนนอกใจ
- โดนที่ทำงานกดดัน เพื่อนร่วมงานกดดัน นินทาตลอดเวลา
- มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตมาก่อน
- มีประวัติการการป่วยเป็นโรคทางจิต
โรคที่มากับความเครียด
คนที่เครียดบ่อยๆ เครียดสะสม สามารถเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้ด้วย และนั่นคือสัญญาณที่อันตรายกว่า ซึ่งโรคที่จะเกิดได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง,โรคหัวใจ,ไม่เกรน,โรคกระเพาะอาหาร,โรคกลัว,โรควิตกกังวล โรคเหล่านี้เมื่อเป็นแล้วจะรักษาได้ยาก และยังเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายหลายๆ ชนิดด้วย เช่น โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ ซึ่งมีความอันตรายสูง อาจทำให้เกิดการสูญเสียได้เลย ก็ล้วนแต่มีสาเหตุมาจากโรคเครียดทั้งสิ้น
ผลกระทบที่เกิดจากความเครียด ที่ต้องระวัง
ความเครียดที่เกิดขึ้น หากเกิดบ่อยๆ ก็มีผลทำให้ชีวิตของเราในด้านต่างๆ แย่ลงไปได้ด้วย แม้จะยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคร้ายแรงก็ตาม ซึ่งผลกระทบได้แก่
- ผลกระทบทางร่างกาย จะมีการเจ็บป่วยง่าย ร่างกายไม่แข็งแรง มีอาการปวดศีรษะเป็นประจำ ประจำเดือนมาผิดปกติ หน้ามืด อาเจียน มือสั่น นอนไม่หลับ ร่างกายดูโทรมผิดปกติ ร่างกายดูอ้วนขึ้นมาก หรือไม่ก็ผอมลงจนผิดหูผิดตา ทำให้การใช้ชีวิตลำบาก โดยเฉพาะในเรื่องของการทำงาน อาจทำให้งานเสียหายได้เลย
- ผลกระทบทางจิตใจ กลายเป็นคนที่พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น มีอาการก้าวร้าวรุนแรง หงุดหงิดง่ายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ชอบย้ำคิดย้ำทำ ผูกใจเจ็บกับคนที่เคยทำผิดพลาดกับตัวเอง บางคนอาจจะเป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงได้เลย
- ผลกระทบกับคนรอบข้าง คนที่เครียดหนักจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ก็จะแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างออกไป ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับคนรอบข้าง นั่นจะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง บางคนติดสารเสพติด บางคนกลายเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรง ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น เป็นต้น
ทำอย่างไรถึงจะห่างไกลจากโรคเครียด
แค่เราเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเพียงแค่เล็กน้อย ก็สามารถห่างไกลจากโรคเครียดได้แล้ว เช่น การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานอาหารลดความเครียด งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พบปะกับคนอื่นบ่อยๆ นั่งสมาธิเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้โรคเครียดก็จะไม่มารบกวนชีวิตของเราอีกแล้ว
สรุปส่งท้าย
จะเห็นว่าความเครียดที่เราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย สามารถนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงได้ในที่สุด ฉะนั้นการจัดการความเครียด ไม่ว่าจะด้วยการทานอาหารลดความเครียด หรือการเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นสิ่งที่เราต้องทำทันที เพื่อให้ห่างไกลจากโรคชนิดนี้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาหารลดความเครียด
อาหารลดความเครียด เป็นอาหารที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน เหมือนกับอาหารทั่วไป หรือบางขณะที่เรากำลังรู้สึกเครียด ก็ทานอาหารประเภทนี้ได้เลย เพราะส่วนใหญ่แล้วอาหารที่เราแนะนำไปข้างต้น ก็เป็นอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย เพียงแค่อาหารบางอย่าง เราต้องจำกัดปริมาณในการทานเท่านั้น
วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้เราเครียด หากความเครียดเกิดแล้ว เราก็ต้องหาทางแก้ไขด้วยการทานอาหารลดความเครียดก็ได้ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่สนุกสนาน และถ้าให้ดีที่สุด เราควรฝึกสมาธิให้รู้ทันอารมณ์ของเรา เท่านี้ความเครียดก็จะไม่เกิดขึ้นกับเราแล้ว หรือถ้าเกิดก็จะอยู่กับเราแค่ระยะสั้นๆ ก็จะหายไป
แนะนำว่าควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมดีกว่า เพราะอาหารบางชนิดเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาได้ เช่น น้ำหนักตัวเพิ่ม โรคอ้วน อาการนอนไม่หลับ เป็นต้น ฉะนั้นควรทานในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน เราจะได้ประโยชน์สูงสุด เพราะอะไรที่เกินความจำเป็น ก็มักจะมีปัญหาตามมาด้วยเสมอ