5 ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย

5 ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย

แชร์เรื่องนี้

มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลิวคีเมีย เป็นมะเร็งที่พบบ่อยมาก และถือว่าเป็นโรคที่อันตรายต่อชีวิต สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ฉะนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามโรคนี้ แต่ควรทำความเข้าใจและหาทางป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีที่สุด

มะเร็งเม็ดเลือดขาว คืออะไร

มะเร็งเม็ดเลือดขาว เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก ซึ่งผลิตของมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ จนไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเม็ดเลือดขาวถูกผลิตออกมาในปริมาณที่มากขึ้น ก็จะไปรบกวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตับ ม้าม ปอด รวมถึงระบบต่อมน้ำเหลือง ทำให้การทำงานของอวัยวะที่ถูกรบกวน ทำงานผิดปกติไปด้วย ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ก็มีอัตราเสี่ยงที่จะเสียชีวิตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหากผู้ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี

ประเภทของมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มะเร็งเม็ดเลือดขาว แบ่งออกได้ทั้งหมด 4 ชนิดดังนี้

  • มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (acute leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (acute leukemia)

เกิดจากเม็ดเลือดขาวเติบโตและกระจายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นอาการของผู้ป่วยที่เป็นแบบเฉียบพลัน จึงมีความรุนแรงที่สุด

  • มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (chronic leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (chronic leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (chronic leukemia)

เกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่มีมากกว่าปกติ อาการของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งประเภทนี้ จะมีอาการช้าๆ และใช้เวลากว่าที่จะรู้ว่าเป็นมะเร็ง

  • มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัยอีโลจีนัส (myelogenous leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัยอีโลจีนัส (myelogenous leukemia)

เกิดจากมะเร็งในกลุ่ม myeloid ที่มีขนาดโตกว่าปกติ

  • มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟซิติก (lymphocytic leukemia)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟซิติก (lymphocytic leukemia)

เกิดจากมะเร็งในกลุ่ม lymphoid ที่มีขนาดโตปกติ

อาการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จะมีความผิดปกติของร่างกายเกิดขึ้น ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถแสดงออกมาให้เห็นดังนี้

อาการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
อาการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
  • มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ซึ่งเกิดจากเม็ดเลือดแดงมีปริมาณที่ลดลง เพราะร่างกายผลิตออกมาได้น้อย
  • ป่วยง่าย หรือติดเชื้อได้ง่าย เพราะเกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว
  • เลือดออกง่าย และหยุดไหลช้า เลือดออกตามไรฟัน เพราะร่างกายสร้างเกล็ดเลือดออกมาได้น้อยลง
  • มีก้อนขึ้นที่บริเวณขาหนีบ คอ เกิดจากความผิดปกติของระบบน้ำเหลือง
  • น้ำหนักลดลงไม่ทราบสาเหตุ
  • มีอาการเบื่ออาหาร ทานอาหารได้น้อยลง
  • ปวดกระดูกตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มะเร็งเม็ดเลือดขาว ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่สามารถระบุถึงปัจจัยเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้ ได้แก่

เกิดจากโรคทางพันธุกรรม
เกิดจากโรคทางพันธุกรรม
  • เกิดจากโรคทางพันธุกรรม เช่น ผู้ป่วยที่เป็นดาวซินโดรม มีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว มากกว่าคนทั่วไป
เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม
  • เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมในร่างกาย ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้มากกว่าคนปกติ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
  • เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่ป่วยไวรัส EVB
เกิดจากการใช้สารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน
เกิดจากการใช้สารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน
  • เกิดจากการใช้สารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น น้ำมันเบนซิน สารฟอร์มาลดีไฮด์ รวมถึงสารกัมมันตรังสี ซึ่งเป็นสารอันตราย
การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ่อแม่ที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะที่ตั้งครรภ์ เด็กที่คลอดออกมามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
การรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว

ในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว แพทย์จะประเมินจากวัยของผู้ป่วย อาการ และระยะของโรค จากนั้นจึงจะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย โดยรูปแบบในการรักษาในปัจจุบันมีดังนี้

  • การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์

หรือการปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นวิธีการรักษาที่เห็นผลดีที่สุดในปัจจุบัน หลังจากที่เข้ารับการรักษา ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะกลับมาหายขาดได้เลย โดยในการปลูกถ่ายไขกระดูกนี้ ต้องใช้ไขกระดูกของคนที่มีเชื้อไขเดียวกัน หรือคนในครอบครัวเท่านั้น เพราะมีคุณสมบัติทางพันธุกรรมที่เหมือนกัน

  • รักษาด้วยการใช้เคมีบำบัด

ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัดน แพทย์จะเลือกใช้วิธีการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดเป็นหลัก เพราะว่าตัวยาจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ถูกผลิตออกมาเยอะผิดปกติเหล่านั้น จากนั้นไขกระดูกก็จะสามารถกลับมาทำงานได้เช่นเดิม คือมีการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ปกติขึ้นมา โดยแพทย์จะประเมินความรุนแรงของโรคของผู้ป่วยแต่ละราย ก่อนตัดสินใจว่าจะใช้ยาขนาดเท่าใด

  • การใช้ยาแบบมุ่งเป้า

เป็นการใช้ยาที่ออกฤทธิ์แบบจำเพาะเจาะจงกับโรค ซึ่งจะเข้าไปรับษามะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยตรง เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีกว่าการรักษาด้วยเคมีบำบัด และมีผลกระทบกับผู้ป่วยค่อนข้างน้อย สามารถให้ยาได้ทั้งแบบกินและแบบฉีด และข้อดีของการรักษาแบบใช้ยามุ่งเป้า คือสามารถรักษาได้กับผู้ป่วยทุกราย

วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งเม็ดเลือดขาว

การตรวจเพื่อคัดกรองมะเร็งเม็ดเลือดขาว เบื้องต้นจะทำการซักประวัติเบื้องต้น เพื่อดูโอกาสที่จะเป็นโรค หากผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว ก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • การเจาะเลือด

เป็นการตรวจเพื่อดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ว่ามีความปกติใดๆ หรือไม่ สิ่งที่ต้องดูก็คือ ปริมาณเกล็ดเลือด ฮีโมโกลบิน และจำนวนเม็ดเลือดขาว ว่ามีจำนวนปกติ หรือมีมากกว่าปกติหรือไม่ ซึ่งการตรวจวิธีนี้ จะช่วยให้แพทย์ประเมินโรคและแนวทางการรักษาโรคได้

  • การตรวจไขกระดูก

เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัยมะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยเฉพาะ และเป็นการตรวจเพื่อทำการคัดแยกเซลล์ myeloid และ lymphoid เพื่อดูว่าความผิดปกติของโครโมโซม โดยแพทย์จะใช้เข็มดูดหรือตัดชิ้นเนื้อบริเวณหลังกระดูกมาตรวจเพื่อตรวจเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะทำให้วินิจฉัยได้ละเอียดมากขึ้น

ป้องกันมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้อย่างไร

เนื่องจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นโรคที่มีความร้ายแรงไม่แพ้มะเร็งชนิดอื่น ฉะนั้นควรหาทางป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีที่สุด แม้กระทั่งผู้ป่วยที่เคยเป็นมาก่อน และรักษาจนหาย ก็สามารถกลับมาเป็นอีกได้ หากมีพฤติกรรมที่เสี่ยง ซึ่งวิธีการป้องกันได้แก่

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด และควรเลือกรับประทานอาหารให้มีความหลากหลาย เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่อันตราย โดยเฉพาะเบนซิน สารประเภทฟอร์มาลีน เป็นต้น เพราะสารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเสี่ยงติดการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย
  • ออกกำลังกายให้เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ น้ำหนักไม่เกินมาตรฐาน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อจะได้รู้ทันความผิดปกติของร่างกาย และรักษาโรคได้ทันเวลา

สรุปส่งท้าย

จะเห็นว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาว มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทุกอย่างจะดีที่สุด และหากเกิดความปกติใดๆ เกิดขึ้นกับร่างกาย ควรเข้าพบแพทย์ทันทีจะดีที่สุด เพื่อหาทางป้องกันและรักษาได้ทันเวลา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มะเร็งเม็ดเลือดขาว รักษาให้หายขาดได้หรือไม่?

สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ และมีการรักษาทันที ผู้ป่วยก็มีโอกาสกลับมาหายได้เลย ด้วยวิธีการทำเคมีบำบัด หรือการใช้ยาแบบมุ่งเป้า ฉะนั้นต้องมีการตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ถึงจะทราบว่าเราเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ และควรเลือกวิธีการรักษาอย่างไร

ควรตรวจมะเร็งเม็ดเลือดขาวตอนไหน?

หากมีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ ตามอาการที่บอกไปข้างต้น ให้คุณทำการตรวจคัดกรองทันที เพราะอาการเหล่านั้น ล้วนเป็นอาการของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว คนอายุน้อยก็ควรเข้ารับการตรวจเช่นกัน เนื่องจากโรคนี้เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย

ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ควรรักษาตัวเองอย่างไร?

สิ่งที่ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวควรทำก็คือ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทุกอย่าง เช่น การสัมผัสสารเคมี การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่ ให้หันมาดูแลตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย โดยเฉพาะอาหารประเภทโปรตีน และที่สำคัญ ต้องดูแลจิตใจของตัวเองให้ปกติอยู่เสมอ ไม่เครียดไม่กังวลเกี่ยวกับโรค เพราะยิ่งเครียดกับโรคมากเท่าไหร่ อาการของโรคก็ยิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น


แชร์เรื่องนี้