6 อาหารบำรุงตับ ช่วยฟื้นฟูและช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับตับ

6 อาหารบำรุงตับ ช่วยฟื้นฟูและช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับตับ

แชร์เรื่องนี้

อาหารบำรุงตับ ที่รับประทานเข้าไปแล้ว จะช่วยฟื้นฟูและดูแลตับ ให้มีสุขภาพดี ไม่เสื่อมก่อนวัย แค่รู้จักเลือกรับประทานอาหารให้เป็น เท่านี้เราก็จะห่างไกลจากโรคตับแล้ว มาดูว่ามีอาหารอะไรบ้างที่ควรทาน

อาหารที่ช่วยบำรุงตับได้ดีที่สุด

1.อะโวคาโด้

อะโวคาโด้

เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงอีกหนึ่งชนิด โดยเฉพาะกรดไขมันดีอย่างโอเมก้า 3 ช่วยลดความอ้วน และยังมีสารที่เรียกว่ากลูตาไธโอน ซึ่งจะช่วยในการขับสารพิษที่เกิดจากการรับประทานอาหาร ออกจากตับ ทำให้สุขภาพตับดีขึ้น

2.เนื้อปลาทะเล

เนื้อปลาทะเล

ในเนื้อปลาทะเลเช่น ปลาแซลม่อน ปลาทูน่า นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของโปรตีนที่มีประโยชน์กับร่างกายแล้ว ยังมีโอเมก้า 3 สูง ไม่มีไขมันเลวที่จะเข้าไปเกาะที่ตับ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตับได้ และยังช่วยลดการอักเสบ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย ฉะนั้นการเปลี่ยนจากการทานเนื้อสัตว์อื่นๆ มาเป็นเนื้อปลา จะมีประโยชน์กับตับมากกว่า

3.ผักใบเขียว

ผักใบเขียว

เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักโขม นอกจากจะเป็นแหล่งรวมใยอาหารแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูนอิสระ ที่สำคัญสารอาหารในผักยังช่วยกำจัดสารพิษที่อยู่ในร่างกายได้ด้วย ทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น การทานผักเป็นประจำทุกวัน จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับตับได้

4.กระเทียม

กระเทียม

เป็นเครื่องเทศและสมุนไพรที่มีประโยชน์กับร่างกายสูง ในกระเทียมจะมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าสาร อัลลิซิน ที่จะเข้าไปละลายไขมันในร่างกาย ทั้งในลำไส้ และที่ตับ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ดังนั้นในการทานอาหาร หรือประกอบอาหาร ควรใส่กระเทียมลงไปเป็นส่วนประกอบด้วย จะดีที่สุด

5.ผลไม้ตระกูลเบอรี่

ผลไม้ตระกูลเบอรี่

เช่น ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่ แบล็คเบอรี่ เป็นแหล่งรวมวิตามิน และยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีสารแอนไทไซยานิน ซึ่งจะช่วยในการขับสารพิษ และป้องกันการอักเสบของตับ ช่วยภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ฉะนั้นเราควรทานผลไม้ตระกูลเบอรี่ให้บ่อยขึ้น

6.แครอท

แครอท

ในแครอทมีวิตามินที่สำคัญหลายอย่าง เช่น วิตามินบี วิตามินเอ และวิตามินซี นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุอื่นๆ เช่น โพแทสเซียม สังกะสี ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะเข้าไปช่วยในการบำรุงและเสริมสร้างตับให้แข็งแรง นับว่าเป็นผักที่มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง ราคาก็ถูก หาทานได้ง่ายด้วย

พฤติกรรมแบบไหนบ้าง ที่ทำให้ตับเสื่อมเร็วกว่าปกติ

ตับของเราจะเสื่อมเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่ว่าในแต่ละวันเรารับประทานอาหารบำรุงตับมากน้อยแค่ไหน และทำพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายตับอะไรบ้าง ซึ่งพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายตับได้แก่

พฤติกรรมแบบไหนบ้าง ที่ทำให้ตับเสื่อมเร็วกว่าปกติ
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกส่งไปทำลายที่ตับโดยตรง ฉะนั้นตับก็ได้รับสารพิษจากแอลกอฮอล์ทุกครั้ง คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลเป็นประจำ มีโอกาสที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวกับตับได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ดื่ม เช่น โรคตับแข็ง ตับอักเสบ เป็นต้น
  • การสูบบุหรี่ ในบุหรี่ทุกชนิด ล้วนมีสารพิษปะปนอยู่ด้วย ซึ่งสารพิษนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเข้าไปทำลายอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ปอด สมอง หลอดลม และตับ ไม่เพียงแต่คนที่สูบเท่านั้น คนที่อยู่ใกล้ชิดกับคนที่สูบ ก็เสี่ยงอันตรายเช่นกัน
  • กินของหวาน และมีไขมันจัด อาหารประเภทของทอด ของหวานทั้งหลาย ล้วนแต่เต็มไปด้วยไขมันและแป้ง เมื่อทานเป็นประจำ ก็จะทำให้เป็นโรคอ้วน และมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับได้ด้วย ซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นได้แม้แต่กับคนที่มีอายุน้อย
  • ชอบกินของดิบ เพราะในอาหารที่ดิบๆ จะมีพยาธิปะปนอยู่ด้วย โดยเฉพาะในเนื้อหมู เนื้อวัวดิบๆ คนที่ทานอาหารประเภทนี้บ่อยๆ มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับสูง ทำให้ตับอักเสบ และโอกาสเสียชีวิตได้ด้วย
  • การทานยาแก้ปวดเป็นประจำ ยาประเภทนี้เมื่อเรารับประทานเข้าสู่ร่างกายบ่อยๆ จะส่งผลกระทบโดยตรงกับตับ ฉะนั้นก่อนที่จะรับประทาน ควรปรึกษากับแพทย์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายจากการทานยา

โรคที่เกี่ยวกับตับที่ควรระมัดระวัง

คนที่ไม่ได้รับประทาน อาหารบำรุงตับ จะทำให้ตับเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เมื่อตับเสื่อมสภาพ ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเช่นเดิม เมื่อนั้นเราก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวกับตับได้ง่ายขึ้น ซึ่งโรคที่ควรระวังได้แก่

  • โรคมะเร็งตับ ถือว่าเป็นโรคที่อันตรายที่สุดอีกชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วมีสารเหตุมาจากการติดสุรา จนทำให้เซลล์ผิดปกติ และพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด ซึ่งโรคนี้มีความอันตราย โอกาสที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตมีสูง และยังมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาด้วย
  • โรคไวรัสตับอักเสบ ปัจจุบันโรคไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบ A, ไวรัสตับอักเสบ B, ไวรัสตับอักเสบ C, ไวรัสตับอักเสบ D สาเหตุมาจากการติดเชื้อจากการทานอาหาร สามารถติดต่อได้จากทางน้ำลาย และการมีเพศสัมพันธ์ โรคนี้มีความอันตรายสูง เพราะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ ตับแข็ง และตับวายได้ แต่ปัจจุบันมีวัคซีนต้านไวรัสชนิดนี้มาแล้ว
  • โรคตับแข็ง มีสาเหตุมาจากการที่ตับได้รับสารพิษมากเกินไป เพราะตับมีหน้าที่ในการกรองสารพิษ เมื่อตับเริ่มเสื่อม จนไม่สามารถกรองสารพิษออกจากตับได้ สารพิษเหล่านั้นก็จะสะสมในตับ ทำให้กลายเป็นโรคตับแข็งได้

วิธีการดูแลตับ ให้สุขภาพตับดีตลอดชีวิต ทำได้อย่างไร

ตอนนี้เราก็พอรู้แล้วว่า โรคที่เกี่ยวกับตับส่วนใหญ่แล้ว เป็นผลมาจากการรับประทานอาหารและพฤติกรรมของเราเอง คราวนี้มาดูวิธีการฟื้นฟูตับและดูแลตับให้แข็งแรงกันบ้าง ว่าควรทำอย่างไร

วิธีการดูแลตับ ให้สุขภาพตับดีตลอดชีวิต ทำได้อย่างไร
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับได้ง่ายสุด
  • รับประทานอาหารที่สุกเท่านั้น ไม่ทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อหมู
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งขณะมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารรสหวาน หรืออาหารที่เป็นของทอดทุกชนิด ให้ทานให้น้อยที่สุด
  • ดูแลร่างกายไม่ให้อ้วน ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารบำรุงตับทุกวัน เพื่อช่วยฟื้นฟูและดูแลตับ
  • ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตรวจคัดกรองเกี่ยวกับตับโดยเฉพาะ เพื่อดูค่าตับว่าอยู่ในระดับที่ปกติหรือไม่

สรุปส่งท้าย

สุขภาพตับของเราจะดีขึ้น เริ่มต้นจากการรับประทานอาหารบำรุงตับ และไม่ทำพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำลายตับ หากเราสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็ย่อมทำให้สุขภาพตับของเราดีตามไปด้วย ไม่เสื่อมก่อนวัย และไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรค ฉะนั้นควรดูแลสุขภาพตับของเราตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาหารบำรุงตับ

อาหารบำรุงตับ ควรทานตอนไหน และใครควรรับประทาน?

การทานอาหารบำรุงตับ แนะนำว่าควรรับประทานทุกคน ทุกวัย ไม่จำกัดว่าต้องเป็นคนวัยนี้ หรือคนเพศนี้อย่างเดียว เพราะทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นโรคตับได้เหมือนกัน หากทำพฤติกรรมที่เสี่ยง และไม่ได้ทานอาหารบำรุงตับบ้างเลย หากเราเริ่มต้นทานอาหารที่ช่วยดูแลตับ ก็ย่อมทำให้สุขภาพตับของเราดีในทุกๆ วัน และไม่เสื่อม

โรคเกี่ยวกับตับ อันตรายอย่างไร?

โรคที่เกี่ยวกับตับ เช่น โรคมะเร็งตับ  โรคไวรัสตับอักเสบ โรคตับแข็ง ล้วนเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิตได้ทั้งสิ้น สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิตของเราเอง เมื่อเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับแล้ว สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย โดยเฉพาะหากรู้ตัวช้าเกินไป  โอกาสในการรักษาก็น้อยลงเท่านั้น

ทำอย่างไรถึงจะรู้ทันโรคตับได้ดีที่สุด?

แม้ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ทำสิ่งที่เสี่ยงต่อการทำลายตับ แต่นั่นก็ยังไว้ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ฉะนั้นวิธีที่จะช่วยให้เรารู้ทันโรคตับได้ดีที่สุด ก็คือการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และการตรวจคัดกรองมะเร็งตับ จะทำให้เรารู้ทันโรคได้ดีขึ้น โอกาสที่จะรักษาให้หายก็มีสูง แต่หากไม่มีการตรวจเลย อาจจะทำให้รู้ช้าเกินไป และการรักษาอาจจะยากยิ่งขึ้น


แชร์เรื่องนี้