อาหารบำรุงสายตา คือตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้สายตาของเราใช้งานได้นาน ไม่เสื่อมก่อนวัยอันควร ยิ่งสมัยนี้มีอุปกรณ์หลายอย่างที่ทำให้สายตาถูกทำลายเร็วขึ้น ฉะนั้นการทานอาหารบำรุงสายตา จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม
อาหารที่ช่วยบำรุงสายตา
1.อาหารที่มีธาตุสังกะสี
เช่น หอยทะเล ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี และนมวัว จะมีธาตุสังกะสีอยู่ในปริมาณที่สูง หน้าที่ของธาตุสังกะสีก็คือ ช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง บำรุงกระดูก และยังป้องกันไม่ให้ตาเสื่อมก่อนวัยด้วย
2.อาหารที่มีวิตามินเอ
ได้แก่ฟักทอง แครอท ส้ม ผักบุ้ง นม ไข่ จะมีวิตามินเอในปริมาณที่สูง ซึ่งวิตามินเอเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคต้อกระจก อีกทั้งยังช่วยในการมองเห็นในตอนกลางคืน หรือที่ที่มีแสงน้อย การรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอบ่อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงได้
3.อาหารที่มีโอเมก้า 3
เช่น น้ำมันปลา ปลาแซลม่อน ปลาทูน่า และผลไม้อย่างอะโวคาโด้ เป็นอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง ซึ่งโอเมก้า 3 นั้น เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัว มีหน้าที่สำคัญในการบำรุงสมองและช่วยเสริมสร้างความจำให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสายตา ป้องกันไม่ให้เกิดตาพร่าตามั่ว และเกิดต้อกระจก
4.อาหารที่มีวิตามินซี
ได้แก่ มะขามป้อม หน่อไม้ฝรั่ง ผลไม้ประเภทเบอรี่ทั้งหลาย ผักคะน้า อาหารเหล่านี้มีวิตามินซีที่สูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดต้อ โดยเฉพาะผู้ที่สูงอายุ มีความเสี่ยงที่จะเกิดต้อได้ง่ายมาก
5.อาหารที่มีวิตามินอี
เช่น อะโวคาโด้ สำหรับวิตามินอีนั้น ถือว่าเป็นพระเอกอีกหนึ่งอย่างเหมือนกัน นอกจากจะช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยบำรุงในเรื่องสายตาอีกด้วย ทำให้สายตาไม่เสื่อม ป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวกับตาทุกชนิด เป็นสารอาหารที่ไม่ควรมองข้าม
6.อาหารที่มีสารแคโรทีนอยด์
เช่น ผักเคล ผักคะน้า และผลไม้ต่างๆ สำหรับสารแคโรทีนอยด์ เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ หรือเรียกอีกอย่างว่าสารต้านอนุมูนอิสระ นอกจากจะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกได้ด้วย
พฤติกรรมที่ทำให้ดวงตาเสื่อมได้เร็วที่สุด
ปัญหาโรคที่เกี่ยวกับตา หรือปัญหาตาเสื่อมก่อนวัยอันควร ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเองด้วย คนที่ทำพฤติกรรมเสี่ยง ย่อมทำให้สายตาเสื่อมได้เร็วกว่า และหากไม่ได้ทาน อาหารบำรุงสายตา แล้วด้วย ก็จะทำให้สายตาเสื่อมมากขึ้น มีพฤติกรรมใดบ้าง
- การสูบบุหรี่ สารพิษที่อยู่ในควันบุหรี่มีหลายร้อยชนิด เมื่อสารพิษเหล่านั้นสัมผัสกับดวงตาบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดการระคายเคือง แสบตา และเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ง่ายขึ้น ทั้งคนที่สูบและคนที่อยู่ใกล้
- การจ้องจอโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เนื่องจากแสงสีฟ้าจากจอ จะทำให้สายตาของเราเสื่อมได้เร็วขึ้น บางคนจ้องแล้วน้ำตาไหล มีอาการแสบตา นั่นคือผลจากแสงสีฟ้านั่นเอง
- การทำงานกลางแจ้ง คนที่ทำงานกลางแจ้งและไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันสายตา เช่น แว่น จะมีโอกาสทำให้ตาเสื่อมได้เร็วขึ้น เพราะแสงแดดที่จ้าเกินไป
- คนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ มีโอกาสที่จะทำตาเสื่อมได้ง่าย เพราะดวงตาไม่ได้พักผ่อน และถูกใช้งานอย่างหนัก
- การใส่คอนแท็กเลนซ์ที่ไม่มีคุณภาพ เพราะบางชนิดก็มีสารที่เป็นอันตรายกับดวงตา ทำให้เกิดตาพร่าตามัว และอันตรายอื่นๆ อีก เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ค่อนข้างบ่อยด้วย
โรคทางตาที่ควรระมัดระวัง
สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดเกี่ยวกับดวงตาของเราก็คือ โรคทางตา เพราะว่ารักษาได้ยาก และมีความอันตราย คนที่ไม่ได้รับประทานอาหารบำรุงสายตา มีโอกาสจะเกิดโรคเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น เช่น
- จอประสาทตาเสื่อม
คือภาวะที่จอรับภาพกลางจอประสาทตาเสื่อมหรือถูกทำลาย พบบ่อยในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ทำให้เวลามองภาพจะมองเห็นไม่ชัด หรือเห็นภาพผิดปกติ สาเหตุที่ให้จอประสาทตาเสื่อมเกิดจากการทำงานในที่แดดจ้าเกินไป การสูบบุหรี่ เป็นต้น
- ต้อกระจก
สามารถเกิดได้กับคนทุกวัย แต่ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุบ่อยที่สุด อาการของต้อกระจกคือ จะมองเห็นภาพเป็นภาพขุ่นมัว มองเห็นได้ไม่ชัด แม้จะอยู่ในระยะที่ไม่ไกล สาเหตุของต้อกระจกได้แก่ เคยประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับตามาก่อน เคยติดเชื้อที่ดวงตา บางรายเป็นผลจากการใช้ยาบางประเภท
- ต้อหิน
ส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป เป็นโรคที่เกิดจากที่ขั้วประสาทตาถูกทำลาย เนื่องจากมีความดันในตาสูง โรคนี้หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยอาจสูญเสียการมองเห็นได้เลย สาเหตุที่ทำให้เกิดต้อหินนั้น ส่วนใหญ่มาจากผู้ป่วยเบาหวานเกิดเบาหวานขึ้นตา มีประวัติเคยรักษาที่ดวงตามาก่อน และการใช้ยาบางชนิด
- วุ้นตาเสื่อม
ลักษณะของวุ้นตาคือ จะเป็นเหมือนเจลที่อยู่ส่วนหลังของลูกตา คนที่วุ้นตาเสื่อม จะมองเห็นภาพเป็นเหมือนหยากไย่ลอยไปมา พบบ่อยในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้
- ต้อลม
เกิดจากการเสื่อมของเยื่อบุตา ลุกลามเข้าใกล้รูม่านตา ทำให้เวลามองจะเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือตาเอียง พบในกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป สาเหตุเกิดจากการทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน และโดนฝุ่นละอองสิ่งสกปรกบ่อย
วิธีการถนอมสายตา ไม่ให้เสื่อม
เพราะดวงตาของเราไม่มีอะไหล่สำรอง ฉะนั้นการดูแลและถนอมสายตา เป็นสิ่งที่สำคัญ วิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ตาเสื่อมได้แก่
- การทานอาหารบำรุงสายตา เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ทุกคนควรทำ เพื่อให้ได้สารอาหารไปบำรุงสายตาของเรา
- งดสูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ เพื่อไม่ให้ควันบุหรี่เข้าตา
- อยู่ให้ห่างจากหน้าจอโทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์ อย่างน้อย 30 เซนติเมตร
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นการพักสายตาของเรา ห้ามอดนอน ควรนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
- สวมแว่นตากันแดดเมื่อต้องออกไปที่แดดจ้า เพื่อป้องกันแสง UV และฝุ่นละออง
- กระพริบตาให้บ่อยขึ้น เพราะจะทำให้ดวงตาของเราไม่แห้งเกินไป ผู้ที่มีปัญหาตาแห้ง ควรใช้น้ำตาเทียมช่วย
- ตรวจสุขภาพเกี่ยวกับดวงตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อหาความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคทางดวงตา
สรุปส่งท้าย
เพราะดวงตาของเราเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ช่วยในการมองเห็น ดังนั้นควรดูแลรักษาให้ดีที่สุด ไม่ทำอะไรที่เสี่ยงต่อการทำลายดวงตาของเรา เริ่มต้นดูแลดวงตาด้วยการทานอาหารบำรุงสายตาตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้สุขภาพตาของเราดีในทุกๆ วัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาหารบำรุงสายตา
ทุกคนควรรับประทานอาหารบำรุงสายตาทุกๆ วัน เพราะเราใช้สายตาทุกวันอยู่แล้ว เมื่อมีการใช้งาน ก็ย่อมมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ฉะนั้นควรเริ่มทานอาหารบำรุงสายตาตั้งแต่วันนี้ ยิ่งเราเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะเป็นดีต่อสุขภาพตาของเราเท่านั้น โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีอายุ ก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะโรคทางตาส่วนใหญ่ พบบ่อยในผู้ที่สูงอายุ
สามารถใช้อาหารเสริมช่วยได้ เช่น วิตามินเสริม ซึ่งปัจจุบันมีขายตามท้องตลาดหลานแบรนด์ แต่ควรดูให้ดีก่อนว่าแบรนด์ไหนน่าเชื่อถือที่สุด และมีคุณภาพดี เพราะบางยี่ห้อก็เสี่ยงเกิดอันตรายได้เหมือนกัน ฉะนั้นควรหาข้อมูลให้ชัดชัวร์ก่อนซื้อจะดีที่สุด
โรคที่เกี่ยวกับตาเช่น ต้อหิน ต้อลม ต้อกระจก หรือวุ้นตาเสื่อม โรคเหล่านี้ไม่ได้เสื่อมแบบฉับพลัน แต่จะเสื่อมแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้คนไม่สนใจที่จะเข้ารับการรักษา และหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นไปตลอดกาลได้เลย ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่ควรมองข้าม หากมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับดวงตา ควรรีบเข้ารับการตรวจและรักษาทันที